您现在的位置是:重生枭雄传 >>正文
เทรนด์ Biodiversity เข้มมาแรงส่อกระทบส่งออกเกษตร
重生枭雄传81691人已围观
简介ข่าวเศรษฐกิจ29 พ.ค. 68 12:26น.2025-05-29Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLineศูนย์วิ ...

ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ชี้ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) กำลังเป็นมาตรฐานใหม่ด้าน ESG ที่ประเทศคู่ค้ามีแนวโน้มจะนำมาบังคับใช้มากขึ้น คาดกระทบผู้ประกอบการธุรกิจเกษตรและอาหารไทย โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มเนื้อสัตว์แปรรูปและอาหารสัตว์ ซึ่งมีมูลค่าส่งออกไปสหภาพยุโรปรวมกันกว่า 6 หมื่นล้านบาทต่อปี แนะผู้ประกอบการเร่งปรับตัวสู่มาตรฐาน Biodiversity อย่างจริงจัง เริ่มจากเลือกวัตถุดิบจากแหล่งยั่งยืน มีระบบตรวจสอบย้อนกลับ และสร้างความร่วมมือตลอดห่วงโซ่อุปทาน
นายสุปรีย์ ศรีสำราญ ผู้อำนวยการฝ่าย ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS (KTB) เปิดเผยว่า Biodiversity กำลังได้รับความสนใจจากทั่วโลกมากขึ้น โดย World Economic Forum ประเมินว่าการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพอาจส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจกว่า 44 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราวครึ่งหนึ่งของ GDP โลก สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงอย่างมีนัยสำคัญระหว่างธรรมชาติกับเศรษฐกิจ ขณะที่บริษัทขนาดใหญ่ระดับโลกในกลุ่ม Fortune Global 500 มีแนวโน้มขยายพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อมไปสู่การจัดการความหลากหลายทางชีวภาพอย่างจริงจัง มากกว่าการมุ่งเน้นเฉพาะการลดการปล่อยคาร์บอน
ทั้งนี้ ความหลากหลายทางชีวภาพ ไม่ได้หมายถึงแค่การอนุรักษ์สัตว์ป่า เช่น เสือหรือหมีขั้วโลก แต่ครอบคลุมทั้งความหลากหลายในระดับพันธุกรรม ชนิดพันธุ์ และระบบนิเวศ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อสมดุลของธรรมชาติ และประเด็นนี้กลายเป็นประเด็นสำคัญในเวทีโลก โดยเฉพาะหลังการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (COP15) ในปี 65 ที่มีการตั้งเป้าหมายในการปกป้องพื้นที่ธรรมชาติไม่น้อยกว่า 30% ของพื้นที่ทั้งหมดภายในปี 73
โดยความตกลงดังกล่าว สะท้อนความจริงจังของนานาชาติ และเป็นแรงกดดันสำคัญที่ทำให้ภาคธุรกิจต้องตระหนักว่า ประเด็นนี้ไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ แต่จะเป็นทั้งโอกาสทางธุรกิจและความเสี่ยง
ด้าน นายปราโมทย์ วัฒนานุสาร นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS กล่าวเสริมว่า ธุรกิจเกษตรและอาหารไทยเผชิญความเปราะบางจากประเด็น Biodiversity ทั้งจากผู้บริโภคที่ตระหนักเรื่อง Biodiversity มากขึ้น ขณะที่มาตรการทางการค้า และการเปิดข้อมูลก็เข้มงวดขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการขับเคลื่อนจากหน่วยงานในไทย ซึ่งรวมไปถึงมาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Thailand Taxonomy) ระยะที่ 2 ของภาคเกษตรก็มีแนวปฎิบัติที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง Biodiversity ด้วย
ตลอดจนปัญหาสงครามการค้า ที่อาจผลักดันให้ไทยต้องเปิดตลาดสินค้าเกษตรมากขึ้น เสี่ยงต่อการนำเข้าวัตถุดิบสินค้าเกษตรจากแหล่งที่มีการแผ้วถางป่า ซึ่งหากไทยนำวัตถุดิบเหล่านี้ไปแปรรูปและส่งออก อาจเสี่ยงต่อการถูกระงับการนำเข้าจากคู่ค้า กระทบความเชื่อมั่นและความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
ดังนั้น ผู้ประกอบการธุรกิจเกษตรและอาหารที่อยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงและจำเป็นต้องเร่งปรับตัวสู่ Biodiversity ก่อน ได้แก่ ผู้ประกอบการสินค้าในกลุ่มเนื้อสัตว์แปรรูปและอาหารสัตว์ เนื่องจากเป็นสินค้าที่มักถูกจับตาในเรื่องกฎระเบียบและมาตรการการค้าระหว่างประเทศใหม่ ๆ ที่ให้ความสำคัญกับ Biodiversity ตลอดห่วงโซ่การผลิต และยังเป็นกลุ่มสินค้าที่พึ่งพาตลาดสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นตลาดที่ให้ความสำคัญกับ Biodiversity อย่างเข้มข้น
โดยสินค้าในกลุ่มที่กล่าวมาข้างต้น มีมูลค่าการส่งออกไปสหภาพยุโรปรวมกันถึง 6 หมื่นล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นราว 7% ของมูลค่าส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารรวมของไทย ซึ่งอยู่ที่กว่า 1 ล้านล้านบาทต่อปี
นายกฤชนนท์ จินดาวงศ์ นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS กล่าวเสริมว่า ธุรกิจเกษตรและอาหารควรเริ่มปรับตัวจากการเลือกวัตถุดิบที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับว่ามาจากแหล่งที่ไม่ทำลายป่าและระบบนิเวศ และการเร่งทำความเข้าใจและเตรียมความพร้อมสำหรับมาตรฐานและกฎระเบียบด้าน Biodiversity ที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงสร้างความร่วมมือกันทั้ง Ecosystem ซึ่งจะช่วยรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกและตอบสนองความต้องการของคู่ค้าและผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
“ผู้ประกอบการควรต้องมีระบบตรวจสอบย้อนกลับตั้งแต่วัตถุดิบจนถึงมือผู้บริโภค เพื่อสร้างความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนให้ความสำคัญกับการรับรองจากมาตรฐานด้าน Biodiversity และการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ (Taskforce on Nature-Related Financial Disclosures: TNFD) รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือใน Ecosystem โดยพัฒนาโครงการด้าน Biodiversity เช่น เกษตรกรรมเชิงนิเวศ ที่สนับสนุนให้เกษตรกรเปลี่ยนจากเกษตรเชิงเดี่ยวมาใช้ระบบเกษตรผสมผสาน ลดสารเคมี รวมถึงร่วมมือกับองค์กรวิจัยเพื่ออนุรักษ์พันธุ์พืชและสัตว์พื้นถิ่น”นายกฤชนนท์ ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 พ.ค. 68)
Tags: Biodiversity, ESG, ความหลากหลายทางชีวภาพ, ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS, ส่งออกไทย, สุปรีย์ ศรีสำราญ, อาหารไทย, เกษตรกรTags:
上一篇:第三十一章 出不去了
相关文章
老祖别苟了,宇宙要没了
重生枭雄传第一千八百九十章战场之外还是朋友场面寂静。华云飞轻描淡写的说完,全程没有一丝气息浮动,但无形中释放的杀念却是恐怖的,其中的坚定不可逆转。在他眼里,有些仇怨可以放下,但有些仇怨绝无可能忘记,势必百倍万倍 ...
【重生枭雄传】
阅读更多第33章 时安夏画饼
重生枭雄传北茴年纪也不大,才十五岁。第一次杀人,整个人都在抖。而时安夏更是吓傻了,像个不会说话的木头人,费力将尸体往山上拖。就是这时候,山上下来两个人。北茴想躲起来。可时安夏却仍旧拖尸往前走,并且越走越快。北茴 ...
【重生枭雄传】
阅读更多第69章 全是她一手策划
重生枭雄传老侯爷心瞎眼盲,但并不傻,这会子回过味儿了。护国公府来人,族长族老们被唐楚君全请到现场。唐氏母女再一步步把温姨娘逼上绝路,请君入瓮。所有的所有,全是为了揭开当年的换子真相。“是。”时安夏直接承认了。她 ...
【重生枭雄传】
阅读更多